ห้องสมุดอิสลามทั้งหมด

26 - The Poets - Ash-Shu`arā

:1

ฏอ ซีน มีม

:2

เหล่านี้คือโองการทั้งหลายอันชัดแจ้ง

:3

บางทีเจ้า (มุฮัมมัด) เป็นผู้ทำลายชีวิตของเจ้า เพราะพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:4

หากเราประสงค์ เราจะให้มีสัญญาณหนึ่งจากฟากฟ้ามายังพวกเขา แล้วคอของพวกเขาก็ยอมก้มลมต่อมัน

:5

และไม่มีข้อตักเตือนใหม่ อันใดจากพระผู้ทรงกรุณาปราณี เว้นแต่พวกเขาจะผินหลังให้กับมัน

:6

แล้วแน่นอนพวกเขาได้ปฏิเสธ ดังนั้นข่าวคราวที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยมันนั้นก็จะมายังพวกเขา

:7

พวกเขามิได้มองไปยังแผ่นดินดอกหรือว่ากี่มากน้อยแล้วที่เราได้ให้มันงอกเงยออกมาจากทุกชนิดที่ดีมีประโยชน์

:8

แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:9

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:10

และจงรำลึก เมื่อพระเจ้าของเจ้าทรงเรียกมูซาว่า จงไปยังหมู่ชนผู้อธรรม

:11

คือหมู่ชนของฟิรเอาน์ พวกเขาไม่ยำเกรงดอกหรือ?

:12

เขา (มูซา)กล่าวว่า โอ้พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันกลัวว่า พวกเขาจะปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฉัน

:13

และหัวอกของฉันจะอึดอัด และลิ้นของฉันจะไม่คล่อง ดังนั้นพระองค์ทรงโปรดส่งฮารูนมาช่วยฉันด้วยเถิด!

:14

และพวกเขามีข้อกล้าวหาต่อฉัน ดังนั้นฉันกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าฉัน

:15

พระองค์ตรัสว่า ไม่ดอก! ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปเถิดพร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลาย ของเราแท้จริงเราอยู่กับพวกเจ้า เป็นผู้ฟัง

:16

ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์ แล้วจงกล่าวว่าเราเป็นทูตของพระเจ้าแห่งสากลโลก

:17

แล้วขอให้ส่งวงศ์วานของอิสรออีลไปพร้อมกับเราเถิด

:18

เขา(ฟิรเอาน์) กล่าวว่า เรามิได้เลี้ยงดูเจ้าเมื่อขณะเป็นเด็กอยู่กับพวกเราดอกหรือ? และเจ้าได้อยู่กับเราหลายปี ในช่วงชีวิตของเจ้า

:19

และเจ้าได้ทำการกระทำของเจ้าซึ่งเจ้าได้กระทำไปแล้ว และเจ้าเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เนรคุณ

:20

เขา (มูซา) กล่าวว่า ฉันได้กระทำมันโดยที่ฉันไม่รู้

:21

ดังนั้น ฉันได้หนีไปจากพวกท่าน เมื่อฉันกลัวพวกท่านแล้วพระเจ้าของฉันได้ทรงประทานฮิกมะฮ์แก่ฉัน และทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นร่อซูลคนหนึ่ง

:22

และนี่คือบุญคุณที่ท่านรำเลิกมันต่อฉันโดยท่านทำให้วงศืวานอิสรออีลเป็นทาส

:23

ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “และใครคือพระเจ้าแห่งสากลโลก”

:24

เขา(มูซา) กล่าวว่า “พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาเชื่อมัน”

:25

เขาได้กล่าวแก่ผู้อยู่รอบ ๆ เขาว่า “พวกท่านได้ยินไหม?”

:26

เขา(มูซา)กล่าว่า “พระเจ้าของพวกท่าน และของบรรพบุรุษสมัยก่อน ๆ นั้นด้วย”

:27

เขา (ฟิรเอาน์) กล่าวว่า “ทจริงร่อซูลของพวกท่านซึ่งได้ถูกส่งมายังพวกท่านนั้นเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน”

:28

เขา(มูซา) กล่าวว่า “พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านใช้สติปัญญาพิจารณา

:29

เขากล่าวว่า “หากเจ้ายึดถือพระเจ้าอื่นจากฉัน ฉันจะให้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ต้องขัง”

:30

เขา(มูซา) กล่าวว่า “แม้ว่าฉันจะนำสิ่งที่ชัดแจ้งมายังท่านกระนั้นหรือ?”

:31

เขากล่าวว่า “ก็จงนำมันมาซิ หากเจ้าเป็นคนจริง”

:32

ดังนั้น เขาได้โยนไม่เท้าของเขามันคือ งูอย่าชัดแจ้ง

:33

และได้ดึงมือของเขาออกมาเป็นสีขางแก่บรรดาผู้มองดู

:34

เขาได้กล่าวแก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่รอบๆ เขาว่า “แท้จริงเขาคนนี้คือนักเล่นกลอย่างช่ำชอง

:35

เขาต้องการที่ให้พวกท่านออกจากดินแดนของพวกท่านด้วยเล่ห์กลของเขา ดังนั้นพวกท่านจะชี้แนะประการใด”

:36

พวกเขากล่าวว่า “จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้ก่อน และจงส่งคนไปตามหัวเมืองให้มาชุมนุมกัน

:37

เพื่อที่นักเล่นกลผู้ช่ำชองทุกคนจะได้มาหาท่าน”

:38

แล้วบรรดานักเล่นกลได้มาชุมนุมกันตามวันเวลาที่กำหนดไว้

:39

และได้มีประกาศแก่มหาชน พวกท่านจะไปร่วมชุมนุมด้วยไหม?

:40

เพื่อพวกเขาจะได้ตามบรรดานักเล่นกลหากพวกเขาเป็นผู้ชนะ

:41

เมื่อพวกนักเล่นกลมาถึง พวกเขากล่าวแก่ฟิรเอาน์ว่า “พวกเราจะมีรางวัลแน่นอนหรือถ้าพวกเราเป็นผู้ชนะ

:42

เขากล่าวว่า “ถูกแล้ว และพวกท่านขณะนั้นจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดอย่างแน่นอน”

:43

มูซาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงโยนซิสิ่งที่พวกท่านจะต้องโยน”

:44

แล้วพวกเขาก็ได้โยนเชือกหลายเส้นของพวกเขาและไม้เท้าหลายอันของพวกเขา และพวกเขากล่าวว่า “ด้วยเกียติยศของฟิรเอาน์แท้จริงเราเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน”

:45

ครั้นแล้วมูซาก็ได้โยนไม้เท้าของเขา ณ บัดนั้นมันได้กลืนสิ่งที่พวกเขาได้ลองมันขึ้น

:46

พวกนักเล่นกลจึงก้มหัวลงกราบสุญูด

:47

พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาต่อพระเจ้าแห่งสากลโลก”

:48

พระเจ้าของมูซา และฮารูน

:49

เขากล่าวว่า พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนที่ฉันจะอนุญาตแก่พวกท่านกระนั้นหรือ? แน่นอนเขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกท่านซึ่งได้สอนการเล่นกลแก่พวกท่าน แล้วพวกท่านจะรู้ แน่นอนฉันจะตัดมือของพวกท่านและเท้าของพวกท่านสลับข้างกัน และแน่นอนฉันจะแขวนตรึงไว้ทั้งหมด

:50

พวกเขากล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอกแท้จริงเรานั้นต้องเป็นผู้กลับไปยังพระเจ้าของเรา

:51

แท้จริงเราปรารถนาที่จะให้ พระเจ้าของเราทรงยกโทษแก่เรา เพราะเราเป็นกลุ่มแรกที่เป็นผู้ศรัทธา

:52

แลเราได้ดลใจให้มูซาออกเดินทาง ในเวลากกลางคืนพร้อมกันกับปวงบ่าวของข้า แท้จริงพวกเจ้ากำลังถูกติดตาม

:53

แล้วฟิรเอาน์ได้ส่งคนไปตามหัวเมืองต่างๆ ให้มาร่วมชุมนุม

:54

(และว่า) แท้จริงเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชนส่วนน้อย

:55

และแท้จริงพวกเขาทำให้เราเกิดโทษะ

:56

และแท้จริงพวกเราทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม

:57

ดังนั้น เราได้ให้พวกเขา ออกจากเรือกสวนและลำธารน้ำ

:58

และทรัพย์สินอันมากมายหลาย และที่พำนักอันโอ่อ่า

:59

เช่นนั้นแหละ และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีล ได้รับมรดกครอบครองมัน

:60

แล้วพวกเขา(ฟิรเอาน์) ได้ติดตามพวกเขา(วงศ์วานอิสรออีล) เมื่อเวลาตะวันขึ้น

:61

ครั้นเมื่อแต่ละฝ่ายได้มองเห็นกัน พวกพ้องของมูซาได้กล่าวว่า “ท้จริงเราถูกตามทันแล้ว”

:62

เขา (มูซา)ได้กล่าวว่า “ไม่หรอก แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงอยู่กับฉัน พระองค์ทรงขี้แนะทางแก่ฉัน

:63

ดังนั้นเราได้ดลใจมูซาว่า “จงฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเจ้า” แล้วมันก็ได้แยกออก แต่ละข้างมีสภาพเหมือภูเขาใหญ่

:64

และเราได้ให้พวกอื่น ให้เข้ามาใกล้ ณ ที่นั้น

:65

และเราได้ให้มูซาและผู้ที่ออยู่ร่วมกับเขาทั้งหมดรอดพ้นไป

:66

แลเราได้ให้พวกอื่น จมน้ำตาย

:67

แท้จริงในการนั้นเป็นสัญญาณอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:68

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:69

และจงเล่า เรื่องราวของอิบรอฮีม ให้แก่พวกเขา

:70

ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขา และพวกพ้องของเขาว่า “พวกท่านเคารพภักดีอะไร?”

:71

พวกเขากล่าวว่า “เราเคารพภักดีรูปปั้นแล้วเราจะคงเป็นผู้ยึดมั่นต่อมันตลอดไป”

:72

เขา(อิบรอฮีม) กล่าวว่า “เมื่อพวกท่านวิงวอนขอ พวกมันได้ยินพวกท่านหรือ?”

:73

“หรือมันให้คุณให้โทษแก่พวกท่านไหม?”

:74

พวกเขากล่าวว่า “แต่เราได้พบบรรพบุรุษของเราปฏิบัติกันมาเช่นนั้น”

:75

เขากล่าวว่า “พวกท่านไม่เห็นดอกหรือสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดีอยู่”

:76

ด้วยตัวของพวกท่านเอง และบรรพบุรุษของพวกท่านแต่กาลก่อน

:77

แท้จริงพวกเขาคือศัตรูของฉัน นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

:78

ซึ่งพระองค์ทรงสร้างฉัน แล้วพระองค์ทรงชี้แนะทางแก่ฉัน

:79

และพรองค์ทรงประทานอาหารให้ฉันและทรงให้น้ำดื่มแก่ฉัน

:80

และเมื่อฉันป่วย ดังนั้นพระองค์ทรงให้ฉันหายป่วย

:81

และผู้ทรงให้ฉันตายแล้วทรงให้ฉันมีชีวิต

:82

และผู้ที่ฉันหวังว่า จะทรงอภัยแก่ฉันซึ่งความผิดพลาดในวันแห่งการตอบแทน

:83

ข้าแต่พระเจ้าของฉัน! ขอพระองค์ทรงประทานความรู้และทรงให้ฉันอยู่รวมกับหมู่คนดีทั้งหลาย

:84

และทรงทำให้ฉันได้รับการรำลึกอย่างดีในหมู่ชนรุ่นต่อ ๆ ไป

:85

และทรงทำให้ฉันอยู่ในหมู่ผู้รับมรดกแห่งสวนสวรรค์ อันร่มรื่น

:86

และทรงประทานอภัยให้แก่บิดาของฉันด้วย แท้จริงเขาอยู่ในหมู่ผู้หลงผิด

:87

และทรงอย่าให้ฉันได้รับความอัปยศในวันที่พวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ

:88

วันที่ทรัพย์สมบัติและลูกหลานจะไม่อำนวยประโยชน์ได้เลย

:89

เว้นแต่ผู้มาหาอัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ผ่องใส

:90

และสวนสวรรค์จะถูกนำให้มาใกล้แก่บรรดาผู้ยำเกรง

:91

และนรกจะถูเผยให้เห็นแก่บรรดาผู้หลงผิดคิดชั่ว

:92

และมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า ไหนเล่าที่ พวกท่านเคารพภักดี

:93

อื่นจากอัลลอฮ์ พวกมันจะช่วยเหลือพวกท่าน หรือจะช่วยตัวมันเองได้ไหม?

:94

แล้วพวกมันจะถูกโยนทิ่มหัวลงไปในนรกพวกมันและพวก หลงผิด

:95

และไพร่พล ของอิบลิสทั้งหมด

:96

พวกเขากล่าวขณะที่พวกเขาโต้เถียงกันอยู่ในนั้น

:97

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ แท้จริงพวกเราอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง

:98

ขณะที่พวกเราทำให้พวกเจ้าเท่าเทียมกับพระเจ้าแห่งสากลโลก

:99

และไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหลงผิด นอกจากพวกอาชญากร เท่านั้น

:100

ดังนั้นจึงไม่มีผู้ไถ่โทษแก่เรา

:101

และไม่มีมิตรผู้รักใคร่ด้วย

:102

ฉะนั้น หากเราได้กลับไปสักครั้ง เราก็จะอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา

:103

แท้จริงในการนี้ ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขา ไม่เป็นผู้ศรัทธา

:104

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:105

หมู่ชนของนูห์ ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล

:106

ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือ นูห์ ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?

:107

แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน

:108

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน

:109

และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

:110

ดังนั้นจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดและจงเชื่อฟังฉัน

:111

พวกเขากล่าวว่า จะให้พวกเราศรัทธาต่อท่านกระนั้นหรือ? ในเมื่อพวกต่ำต้อยเท่านั้นที่เชื่อฟังปฏิบัติตามท่าน

:112

เขา (นูห์) กล่าวว่า ฉันไม่มีความรู้อันใดเลยในสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติกัน

:113

การตอบแทนของพวกเขามิได้อยู่ที่ผู้ใดเลยนอกจากที่พระเจ้าของฉัน หากพวกท่านมีความรู้สึก

:114

และฉันจะไม่เป็นผู้ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธา

:115

ฉันมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผู้ตักเตือนอันชัดแจ้ง

:116

พวกเขากล่าวว่า โอ้นูห์ หากท่านไม่หยุดยั้ง แน่นอนท่านจะอยู่ในหมู่ผู้ถูกขว้างด้วยก้อนหิน

:117

เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของฉัน แท้จริงหมู่ชนของฉันปฏิเสธฉัน

:118

ดังนั้นขอพระองค์ทรงตัดสินระหว่างฉันกับพวกเขาโดยยุติธรรมเถิด และทรงโปรดช่วยฉัน และบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ร่วมกับฉันให้รอดพ้นด้วยเถิด

:119

ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและผู้อยู่ร่วมกับเขาให้อยู่ในเรือที่เต็มเปี่ยม

:120

แล้วเราได้ให้พวกที่เหลืออยู่จมน้ำตาย

:121

แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่ง อย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:122

และแท้จริงพระเจ้าของสูเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:123

หมู่ชนของอ๊าดได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล

:124

ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูดได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?

:125

แท้จริงฉันคือ ร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน

:126

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน

:127

และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

:128

พวกท่านสร้างอนุสาวรีย์ไว้บนที่สูงทุกแห่งเพื่อโอ้อวดกระนั้นหรือ?

:129

และพวกท่านสร้างคฤหาสน์เสมือนกับว่าพวกท่านจะอยู่อย่างตลอดกาลกระนั้นหรือ?

:130

และเมื่อพวกท่านทำร้าย(ผู้ใด) พวกท่านกระทำอย่างทารุณโหดร้าย

:131

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน

:132

และพวกท่านจงยำเกรงผู้ทรงประทานแก่พวกท่าน สิ่งซึ่งพวกท่านรู้ดีอยู่แล้ว

:133

พระองค์ทรงประทานแก่พวกท่านด้วยปศุสัตว์และลูกหลาน

:134

และสวนอันหลากหลาย และลำธารหลายแห่ง

:135

แท้จริงฉันกลัวว่าพวกท่าน จะได้รับการลงโทษในวัน อันยิ่งใหญ่

:136

พวกเขากล่าวว่า มีผลเท่ากันที่เรา ท่านจะตักเตือนหรือไม่เป็นผู้ตักเตือนเราก็ตาม

:137

นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอนจากเป็นเรื่องโกหกในสมัยก่อน ๆ

:138

และพวกเราจะไม่อยู่ในหมู่ผู้ถูกลงโทษ

:139

พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังเขา ดังนั้นเราจึงทำลายล้างพวกเขา แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:140

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:141

หมู่ชนของซะมู๊ดได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล

:142

ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือศอและฮ์ ได้กล่าวแก่พวกเขา โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?

:143

แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน

:144

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน

:145

และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากระเจ้าแห่งสากลโลก

:146

พวกท่านจะถูกปล่อยให้อยู่อย่างสงบปลอดภัย ณ ที่นี้หรือ?

:147

ในสวนอันหลากหลาย และลำธารหลายแห่ง

:148

และไร่นา และต้นอินทผลัม ซึ่งกิ่งก้านของมันสุกงอม

:149

และพวกท่านสะกัดภูเขาเป็นที่อยู่อาศัยอย่างชำนาญ

:150

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน

:151

และอย่าเชื่อฟังคำสั่งใช้ของพวกฝ่าฝืน

:152

พวกที่บ่อนทำลายในแผ่นดิน และไม่เป็นพวกพัฒนา

:153

พวกเขากล่าวว่า แท้จริงท่าเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม

:154

ท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา ดังนั้นจงนำมาสักสัญญาณหนึ่ง หากท่านเป็นหนึ่งในหมู่ผู้สัตย์จริง

:155

เขากล่าวว่า นี่คืออูฐตัวเมีย สำหรับมันดื่มน้ำวันหนึ่ง และสำหรับพวกท่านก็ดื่มน้ำวันหนึ่งที่รู้กัน

:156

และพวกท่านอย่าก่อความทุกข์ยากแก่มัน มิฉะนั้นการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่จะคร่าพวกท่าน

:157

แล้วพวกเขาได้ฆ่ามัน พวกเขาจึงอยู่ในสภาพเป็นผู้เศร้าโศกเสียใจ

:158

ดังนั้นการลงโทษได้คร่าพวกเขา แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:159

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:160

หมู่ชนของลู๊ฏ ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล

:161

ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือลู๊ฏได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?

:162

แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน

:163

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และเชื่อฟังฉัน

:164

และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

:165

พวกท่านเข้าหาผู้ชายในหมู่ผู้คนทั้งหลายกระนั้นหรือ?

:166

และพวกท่านปล่อยทิ้ง สิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านทรงบังเกิดมาสำหรับพวกท่าน คือภรรยาของพวกท่าน แน่นอนพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน

:167

พวกเขากล่าวว่า โอ้ลูฏเอ๋ย! หากท่านไม่หยุดยั้ง แน่นอนท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะถูกขับไล่ให้ออกไป

:168

เขากล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นผู้ที่เกลียดยิ่งต่อการกระทำของพวกท่าน

:169

ข้าแต่พระเจ้าของฉันขอพระองค์ทรงช่วยฉัน และบริวารของฉันให้พ้นจากที่พวกเขากระทำกัน

:170

ดังนั้นเราได้ช่วยเขา และบริวารของเขาทั้งหมดให้รอดพ้น

:171

นอกจากหญิงแก่คนหนึ่ง ซึ่งนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย

:172

แล้วเราได้ทำลายพวกคนอื่น

:173

และได้ให้ห่าฝนตกลงมาบนพวกเขา ดังนั้นฝนของบรรดาผู้ถูกตักเตือนมันชั่วร้ายเสียนี่กระไร!

:174

แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:175

และแท้จริงพระเจ้าของสูเจ้านั้นแน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:176

ชาวป่าทึบได้ปฏิเสธบรรดาร่อซูล

:177

ขณะที่ชุไอบ์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?

:178

แท้จริงฉันคือร่อซูลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน

:179

ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์และเชื่อฟังฉัน

:180

และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก

:181

จงตวงให้ครบเต็ม และอย่าเป็นผู้ที่ขาดพร่อง

:182

และจงชั่งด้วยตาชั่งอย่างเที่ยงตรง

:183

และอย่าให้ขาดพร่องแก่มหาชนซึ่งสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขา และอย่าก่อกวนในแผ่นดินเป็นผู้บ่อนทำลาย

:184

และจงยำเกรงผู้ซึ่งบังเกิดพวกท่าน และประชาชาติสมัยก่อน ๆ

:185

พวกเขากล่าวว่า แท้จริงท่านเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม

:186

และท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา แบะเราคิดว่าท่านเป็นผู้กล่าวเท็จคนหนึ่ง

:187

ดังนั้นให้ส่วนต่างๆ จากท้องฟ้า หล่นลงมาบนพวกเรา หากท่านเป็นผู้สัตย์จริงคนหนึ่ง

:188

เขากล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกท่านกระทำ

:189

พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อเขาดังนั้นการลงโทษแห่งวันเมฆครอบคลุมได้คร่าพวกเขา แท้จริงมันเป็นการลงโทษแห่งวันยิ่งใหญ่

:190

แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา

:191

และแท้จริงพระเจ้าขงเจ้านั้น แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

:192

และแท้จริงมัน เป็นการประทานลงมาของพระเจ้าแห่งสากลโลก

:193

อัรรูห์ ผู้ซื่อสัตย์ ได้นำมันลงมา

:194

ยังหัวใจของเจ้าเพื่อเจ้าจักได้เป็นผู้ตักเตือนคนหนึ่ง

:195

เป็นภาษาอาหรับอันชัดแจ้ง

:196

และแท้จริงมันมีอยู่ในคัมภีร์สมัยก่อนๆ

:197

และมันมิได้เป็นเครื่องหมายแก่พวกเขา ดอกหรือว่า บรรดาผู้มีความรู้ของวงศ์วานอิสรออีลก็รู้ดีในเรื่องนี้

:198

และหากว่าเราประทานมันลงมาแก่บางคนในหมู่ชาวต่างชาติ

:199

แล้วเขาอ่านมันแก่พวกเขา พวกเขาก็จะไม่เป็นผู้ศรัทธาต่อมัน

:200

เช่นเดียวกับเราได้ให้มันเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้กระทำผิด

:201

พวกเขาก็จะไม่ศรัทธามันจนกว่าพวกเขาจะได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวด

:202

แล้วมัน จะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหันโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว

:203

พวกเขาก็จะกล่าวว่าให้พสกเราได้รับการประวิงบ้างได้ไหม?

:204

ทำไมพวกเขาจึงเร่งการลงโทษของเราอีกเล่า?

:205

เจ้าไม่เห็นดอกหรือ หากเราให้พวกเขารื่นเริงไปอีกเป็นปี ๆ

:206

แล้วสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้ ก็ได้เกิดขึ้นแก่พวกเขา

:207

สิ่งที่พวกเขาได้ถูกให้รื่นเริงนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขา

:208

และเรามิได้ทำลายชาวเมืองใด เว้นแต่ได้มีผู้ตักเตือนแก่มัน แล้ว

:209

เพื่อเป็นข้อตักเตือน และเรามิได้เป็นผู้อธรรม

:210

และพวกมารชัยฏอรมิได้นำมีน ลงมา

:211

และไม่เป็นการเหมาะสมแก่พวกมันและพวกมันก็ไม่สามารถด้วย

:212

แท้จริงพวกมันเป็นผู้กีดกัน อย่างแน่นอนจากการฟัง

:213

ดังนั้นเจ้าอย่าได้วิงวอนพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์ มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ถูกทำโทษ

:214

จงตักเตือนวงศาคณาญาติของเจ้าที่ใกล้ชิด

:215

และจงลดปีก ของเจ้าแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ปฏิบัติตามเจ้า

:216

หากพวกเขาฝ่าฝืนเจ้า ก็จงกล่าวเถิดแท้จริงฉันขอปลีกตัวให้พ้นจากสิ่งที่พวกท่านปฏิบัติกันอยู่

:217

และจงมอบหมายต่อพระผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงเมตตาเสมอ

:218

ผู้ทรงเห็นเจ้าขณะที่เจ้ายืนอยู่

:219

และการเคลื่อนไหวของเจ้าในหมู่ผู้สุญูด

:220

แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้เสมอ

:221

ฉันจะบอกแก่พวกท่านไหมว่า? พวกมารชัยฏอนลงมาบนผู้ใด?

:222

พวกมันลงมาบนทุกคนที่เป็นผู้โกหกผู้ทำบาปมาก

:223

พวกมันจะเงี่ยหูฟัง และส่วนมากพวกมันเป็นผู้โกหก

:224

และพวกกวีนั้น พวกหลงผิดจะปฏิบัติตามพวกเขา

:225

เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงพวกเขานั้นเร่ร่อนไปในทุกหนแห่ง

:226

และแท้จริงพวกเขานั้นพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่ทำกระ

:227

นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีทั้งหลายและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก และตอบโต้ป้องกันหลังจากที่พวกเขาถูกข่มเหง และบรรดาผู้อธรรมจะได้รู้ว่า ทางกลับอันใดที่พวกเขาจะกลับคืนสู่